การเดินทางของชีวิตในทุกช่วงเวลาล้วนมีความเสี่ยง ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือขึ้นมาไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง เพื่อเป็นหลักประกันของความเสี่ยงนั้นว่าอย่างน้อยหากเกิดเหตุไม่คาดฝันใด ๆ ขึ้นมา เราจะยังสามารถทำตามเป้าหมาย ที่คาดหวังให้ประสบความสำเร็จต่อไปได้ หนึ่งในเครื่องมือที่ทุกคนนึกถึง คือการทำประกัน แต่คำถามคือ ประกันมีหลายรูปแบบ แล้วประกันแบบไหนจึงจะเหมาะต่อรูปแบบของการใช้ชีวิตของแต่ละคน วันนี้เรามาทำไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องประกันชีวิต และประกันสุขภาพ ต่างกันอย่างไร เป็นอีกเรื่องที่หลายคนยังคงสงสัย
เมื่อพูดถึงคำว่าการทำประกัน ผู้คนจะนึกถึงประกันชีวิตเป็นอันดับแรก แต่ก็มีบ้างที่นึกถึงเรื่องของการทำประกันสุขภาพ ในความเป็นจริงประกันทั้ง 2 ประเภทแตกต่างกัน ก่อนอื่นเราจึงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ประกันชีวิต และประกันสุขภาพ ต่างกันอย่างไร
ประกันชีวิตคืออะไร?
ประกันชีวิต หมายถึง ความคุ้มครองต่อชีวิต รวมถึงช่วยเฉลี่ยความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยกรณีเกิดการเสียชีวิต อันเนื่องมาจากกิจกรรมของการดำเนินชีวิตทุกประเภทมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นประกันชีวิตจึงมีไว้เพื่อเป็นหลักประกันต่อผู้เอาประกันได้ว่าเมื่อต้องเสียชีวิตลง คนในครอบครัวหรือผู้รับผลประโยชน์จะได้เงินชดเชยเพื่อสามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อไปได้เมื่อผู้เอาประกันไม่มีความสามารถในการหารายได้ต่อไป
ประกันชีวิตดีอย่างไร? เพราะอะไรถึงต้องทำประกันชีวิต?
อย่างที่กล่าวมาตลอดว่าทุกกิจกรรมของชีวิตมีความเสี่ยง โดยเฉพาะกับการเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดฝัน จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม การทำประกันชีวิตก็ถือเป็นการสร้างหลักประกันทางการเงินให้กับคนรุ่นหลังหรือคนที่เรารัก ก็เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน นอกจากนี้การทำประกันชีวิตยังช่วยฝึกวินัยในการออมเงินของผู้เอาประกันด้วยเพราะจะต้องมีการชำระค่าเบี้ยอย่างต่อเนื่องจนครบกำหนดอายุสัญญากรมธรรม์ จึงจะได้รับการชดเชยจากบริษัทประกันภัย ดังนั้นสรุปง่าย ๆ คือประกันชีวิตดีตรงที่ใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างฐานการเงินให้ครอบครัวได้ ส่วนคำถามที่ว่าเพราะอะไรถึงต้องทำประกันชีวิต ก็เพราะว่าเราไม่มีทางรู้เลยว่าในแต่ละวันเราต้องเจออะไรบ้าง แล้วสิ่งที่เราเจอจะส่งผลกระทบต่อชีวิตเราเอาวันไหนถึงต้องมีประกันไว้เพื่อเป็นหลักประกันด้านการเงินกับคนข้างหลัง ประเภทของประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพ คืออะไร?
ประกันสุขภาพ คือ การที่ผู้เอาประกันขอทำประกันเพื่อประกันสุขภาพต่อบริษัทประกันเมื่อต้องเข้าทำการรักษาตัวจากอาการเจ็บป่วย ซึ่งบริษัทประกันตกลงว่าจะชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลให้กับผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาพยาบาลที่เกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคภัยหรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ทั้งนี้ประกันสุขภาพแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือประกันสุขภาพส่วนบุคคล และประกันภัยสุขภาพกลุ่ม คำถามคือ ความคุ้มค่าที่เกิดขึ้นหาก เปรียบเทียบ ประกันสุขภาพ แบบส่วนบุคคลกับประกันภัยแบบกลุ่มแตกต่างกันอย่างไร คำตอบคือต้องพิจารณา 2 เรื่อง ระหว่างความคุ้มครองกับค่าเบี้ยประกันภัย ทั้งนี้ประกันทั้ง 2 ประเภท ให้ความคุ้มครองเหมือนกันใน 7 หมวด คือ
- ให้ความคุ้มครองเมื่อผู้เอาประกันต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วย โดยจะชดเชยค่าห้องและค่าอาหาร ค่าบริการทั่วไป และค่าใช้จ่ายที่มีการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน หลังจากเกิดอุบัติเหตุ
- ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการผ่าตัด ค่าปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการผ่าตัด
- ค่าพบแพทย์
- ค่าใช้จ่ายจากการรักษาที่คลินิกหรือแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล
- ค่าคลอดบุตร
- ค่าใช้จ่ายในการรักษาฟัน
- การชดเชยค่าพยาบาลพิเศษขณะอยู่โรงพยาบาลหรือภายหลังจากการรักษาในโรงพยาบาลโดยต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์
เมื่อเราทราบถึงความคุ้มครองแล้วต่อมาควร เปรียบเทียบ ประกันสุขภาพ จากวงเงินที่ให้ความคุ้มครองแต่ละหมวดจากบริษัทประกันหลาย ๆ ที่ เนื่องจาก ประกันสุขภาพเปรียบเทียบ ด้านค่าชดเชยในแต่ละหมวดจะมีการชดเชยต่างกัน รวมถึงค่าเบี้ยที่ต้องจ่ายก็ต่างกันด้วย ทั้งนี้สิ่งที่ต้องเปรียบเทียบก็คือ (1) ค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก (OPD) คือการพบแพทย์เพื่อรักษาเป็นครั้ง ๆ (2) ค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยใน (IPD) คือการเจ็บป่วยหรือการต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือสำหรับบริษัทประกันบางที่ก็มีการประกันโรคร้ายแรง เช่น ประกันโรคมะเร็ง หรือโรคหลอดเลือดสมองด้วย ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก่อนการทำ ประกันสุขภาพเปรียบเทียบ ด้านความคุ้มครองและค่าเบี้ยที่ต้องจ่ายให้ดี
ประกันชีวิต และประกันสุขภาพ ต่างกันอย่างไร
จากความหมายและคำอธิบายของประกันชีวิต และประกันสุขภาพที่กล่าวไปในข้างต้น ประกันชีวิต กับ ประกันสุขภาพ ต่างกันอย่างไร คงเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ประกันชีวิตชดเชยความคุ้มครองให้เฉพาะกรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิตเท่านั้น ส่วนประกันสุขภาพ จะมีการชดเชยค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้เอาประกันภัยทุกครั้งเมื่อต้องมีการเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับผู้เอาประกันภัย
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อประกันมีอะไรบ้าง?
เคล็ดลับง่าย ๆ คือเมื่อเราเข้าใจแล้วว่าประกันแต่ละแบบให้การชดเชยแบบไหน ก็ต้องกลับมาดูที่ค่าเบี้ยประกันกับระยะเวลารับประกันภัยของแต่ละแบบ เช่น หากมีการทำประกันตั้งแต่ตอนอายุยังไม่มาก จะเสียค่าประกันต่ำกว่าตอนที่อายุเยอะ ๆ เนื่องจากความเสี่ยงในการใช้ชีวิตเยอะตามอายุ หรือต้องพิจารณาว่าเราให้ความสำคัญต่อสุขภาพกับความเสี่ยงต่อชีวิตมากแค่ไหน จะเลือกซื้อประกันอย่างใดอย่างหนึ่งหรือซื้อทั้งสองอย่าง ก็ค่อยมาเปรียบเทียบผลประโยชน์ที่ได้กับความสามารถในการชำระเบี้ยประกันได้อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความคุ้มครองตลอดระยะเวลาประกันภัย เป็นต้น ตัวอย่างเช่น หากเราซื้อทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพก็ต้องดูวงเงินคุ้มครองประกันชีวิต วงเงินชดเชยค่ารักษาพยาบาลแต่ละหมวด ระยะเวลาในการชำระเบี้ยประกันภัย ส่วนต่างค่าเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้นในแต่ละช่วงอายุ และความสามารถในการชำระเบี้ยประกันของตนว่ามีขีดจำกัดสำหรับการซื้อประกันแบบใด ต้องพิจารณาอย่างรอบด้านก่อนการตัดสินใจซื้อเพราะเป็นการประกันความเสี่ยงในระยะยาว ทั้งหมดนี้คือข้อมูลความแตกต่างของประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่ควรทราบ และทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนการตัดสินใจซื้อประกัน เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันให้กับคนรุ่นหลังหรือคนที่เรารักได้ต่อไปในอนาคต